วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

ภูทับเบิก เพชรบูรณ์


ภูทับเบิก ตั้งอยู่ที่ตำบลวังบาล จ. เพชรบูรณ์ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,768 เมตร ซึ่งเป็น
จุดสูงสุด ของจังหวัดเพชรบูรณ์ ภูมิประเทศมีความงดงามเป็นที่กล่าวถึง เป็นความงามของทะเลภูเขาตาม
ธรรมชาติป่าไม้ อุดมสมบูรณ์ อากาศบริสุทธ์ เย็นสบายตลอดปี ในตอนเช้ามีหมอกและกลุ่มเมฆ มองเห็น
เป็นทะเลหมอกตัดกับ ยอดภูสีเขียว เป็นแหล่งปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภูทับเบิกเป็นสถาน
ที่ที่มีความสำคัญมากที่หนึ่ง เพราะเป็นจุดรองรับน้ำฟ้ากลางหาว เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2542เวลา 15.59 น.
ณ สำนักสงฆ์บ้าน ทับเบิก เพื่อนำ ไปรวมเป็นน้ำเพชรน้อมเกล้าถวายเป็นพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ในพระราช
พิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2542เป็นสถานที่ที่มีเครื่องวัดอุณหภูมิที่
ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและยังเป็นเส้นทาง เชื่อมโยงสู่แหล่งท่องเที่ยวและ ประวัติศาสตร์ที่สำคัญ คือ
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
ภูทับเบิก
ชาวบ้านที่ภูทับเบิกเป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง หรือแม้ว ที่ย้ายถิ่นฐานมาจากทางภาคเหนือ และได้ใช้พื้นที่ ปลูกฝิ่น สำหรับจำหน่าย ในปี พ.ศ. 2510 ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ได้ชักชวนให้ชาวเขาเหล่านี้เข้าร่วมต่อต้าน รัฐบาล แต่เมื่อมีการเข้าปราบปรามและชาวบ้านได้เข้ามอบตัว จึงได้มีการจัดตั้งศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัด เพชรบูรณ์ขึ้นในปี พ.ศ. 2525 โดยชาวบ้านได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีการทำแปลงเกษตรแบบ ขั้นบันได วิถีชีวิตของชางม้งที่นี่ ยังคงมีการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ในทุกๆ ปี จะจัดงานปีใหม่แบบดั้งเดิม และมีการแสดง วัฒนธรรมด้วย
ภูทับเบิก ภูทับเบิก
ภูทับเบิก ภูทับเบิก
ภูทับเบิก ภูทับเบิก
จากสภาพดังกล่าว จึงทำให้ภูทับเบิกเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และดึงดูดใจนักท่องเที่ยวที่นิยมสัมผัสแก่นแท้วิถีชีวิต วัฒนธรรมชุมชน และแหล่งธรรมชาติที่บริสุทธิ์  ซึ่งเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่กำลังมีกระแสความนิยมอยู่ทั่วไป ภายใต้คำกล่าวที่ว่า"นอนทับเบิก สัมผัสความหนาว ดูดาวบนดิน"
1.ชมไร่กะหล่ำยักษ์
ที่ยอดภูทับเบิกจะมีไร่กระหล่ำปลีเต็มไปหมดทุกภูเขา เราสามารถ เดินไปดูเก็บกระหล่ำปลี ซึ่งก็เป็นชาวเขาม้งจะ ขอซื้อมาทานก็ได้ ราคาแสนถูก และสดเหนือคำบรรยายครับ  และอย่าลืมขับรถไปเที่ยวในเส้นทางไปหมูบ้าน ที่ อยู่ห่างจากยอดทับเบิก 5 กิโลเมตร เส้นทางสายนี้นับว่า วิวสวยมาก มองไปทางซ้ายก็กระหล่ำปลีขวา กระหล่ำปลี เป็นภูเขากระหล่ำปลี เหนือยอดกระหล่ำปีเป็นปุยหมอกจางๆ สวยมาก ***สำคัญมากหากใครต้องการไปดูกะหล่ำยักษ์ที่ภูทับเบิก ชาวบ้านจะปลูกกันช่วงนี้
***ช่วงเดือน ก.ค.-ต.ค. ซึ่งเป็นช่วงหน้าฝนก็จะได้บรรยากาศแบบอลังการด้วยทะเลหมอกจากไอฝน ช่วงเดือน พ.ย.ในหน้าหนาวซึ่งจะเป็นช่วงที่สวยงามที่สุด
ภูทับเบิก ภูทับเบิก
ภูทับเบิก ภูทับเบิก
ภูทับเบิก ภูทับเบิก
ภูทับเบิก ภูทับเบิก
ภูทับเบิก ภูทับเบิก
น้ำค้างยามเช้า
ภูทับเบิก ภูทับเบิก
ชาวบ้านเก็บกะหล่ำ
ภูทับเบิก ภูทับเบิก
หนูน้อยกะหล่ำรวมหนูน้อยบนดอย
ภูทับเบิก ภูทับเบิก
2.ชมทะเลหมอกภูทับเบิก
ภูทับเบิกยังเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามและอลังการอีกแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะหากมาในช่วงหน้าฝนประมาณ เดือนก.ค.- ต.ค.มักจะพบเห็น ทะเลหมอกได้ง่ายกว่าหน้าหนาว
ทะเลหมอกอลังการ
ภูทับเบิก ภูทับเบิก
แสงสวยๆในยามเช้า
ภูทับเบิก ภูทับเบิก
ภูทับเบิก ภูทับเบิก


ที่มา : http://www.paiduaykan.com/76_province/north/phetchabun/phutubberk.html

เขาค้่อ


เขาค้อ ป็นชื่อเรียกรวมบริเวณเทือกเขาน้อยใหญ่ ของเทือกเขาเพชรบูร์ จนอาจพูดได้ว่าเป็นทะเลภูเขา
เช่น เขาค้อ เขาย่า เขาใหญ่ เขาตะเคียนโง๊ะ เขาหินตั้งบาตร เขาห้วยทราย เขาอุ้มแพร เป็นต้น มีต้นไม้มี
ลักษณะแปลกคือ ต้นค้อ ซึ่งเป็นต้นไม้ในตระกูลปาล์ม มีลักษณะต้นและใบคล้ายต้นตาล แต่ออกผลเป็น
ทะลายคล้ายหมาก ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในบริเวณเขาค้อ สภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปี ในอดีต ก่อนปี พ.ศ. 
๒๕๒๔พื้นที่เขาาค้อได้เป็นฐานที่มั่นอันสำคัญยิ่งของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์มาเป็นเวลานานกว่า ๑๐ ปี 
กำลังทหารของฝ่ายรัฐบาลที่ถูกส่งเข้าปราบปรามกวาดล้างได้เกิดการต่อสู้ที่ยืดเยื้อยาวนาน สูญเสียกำลัง
คน อาวุธ ทรัพยากรของ ชาติมากมายทั้งสองฝ่าย จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ฝ่ายเราได้ดำเนินยุทธวิธี
การเมืองนำการทหาร และดำเนินการทางทหาร อย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง จนสามารถยึดพื้นที่เขาค้อ
ทั้งหมดได้ คงเหลือไว้แต่ ่ประวัติศาสตร์การสู้รบอันห้าวหาญ วีรกรรมของ วีรบุรุษ ที่ตั้งสถานที่สำคัญใน
การสู้รบของทั้งสองฝ่าย ร่องรอยของการต่อสู้ที่มีอยู่มากมายเกลื่อนกลาด ไม่ว่าจะเป็นสุสานของ ทหาร
กล้า และผู้เสียสละ อนุสาวรีย์ที่ระลึกถึงผู้จากไปฐานที่มั่น ที่สู้รบกันอย่างหนักหน่วง สถานที่อยู่อาศัยของ
ฝ่ายตรงข้าม และฝ่ายเรา ร่องรอยการทำลายเผาระเบิด นับเป็นพิพิธภัณฑ์การสู้รบกลางแจ้งที่เตือนใจคน
ไทยทั้งชาติให้ เกิดความสามัคคี กลมเกลียวกันตลอดไป ในปัจจุบันนี้ทางการได้ดัดแปลงสถานที่ต่าง ๆ 
รวมทั้งตกแต่งให้เกิดความสวยงาม น่าท่องเที่ยว น่าเลื่อม ใสศรัทธา และรำลึกถึงวีรบุรุษผู้กล้าของทั้ง
สองฝ่าย ในบริเวณเขาค้อมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย นับเป็นแหล่งท่องเที่ยว แห่งใหม่ ของจังหวัด
เพชรบูรณ์ แต่ละวันจะมีนักทัศนาจรแวะไปเที่ยวชมจำนวนมา
เขาค้อ
1.พระตำหนักเขาค้อ
พระตำหนักเขาค้อ ตั้งอยู่บนบริเวณเขาย่า ตำบลทุ่งสมอ อำเภอหล่มสัก จุดมุ่งหมายที่สร้างพระตำหนักเขาค้อขึ้นก็เนื่องมาจาก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จ ฯ มาทรงทำพิธีเปิดอนุสรณ์สถานผู้เสียสละที่เขาค้อ ทรงปรารภว่าในขณะนั้นว่าบริเวณเขาย่ามีพื้นที่สวยงาม น่าจะจัดทำโครงการอะไรสักอย่างเพื่ออนุรักษ์ป่า ดังนั้นพระตำหนักเขาค้อ จึงถูกสร้งขึ้น เพื่อนำน้อมเกล้าฯ ถวายแด่องค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ สำหรับใช้ประทับแรมในโอกาสที่พระองค์ท่านเสด็จ ฯ ตรวจเยี่ยมงานในโครงการพระราชดำริ และทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียง ลักษณะตัวอาคารเขาค้อ เป็น อาคารชั้นเดียวสร้างติดต่อกันเป็นรูปครึ่งวงกลม มีอาคารบางส่วนสร้างเป็นสองชั้นตรงห้องพระบรรทม ระยะทางขึ้นพระตำหนัก ประมาณ ๕ กิโลเมตร จากสามแยกรื่นฤดี ที่ตั้งพระตำหนักอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล ประมาณ ๑,๐๕๐ เมตร
เขาค้อ เขาค้อ
เขาค้อ เขาค้อ
2.พระบรมสารีริกธาตเขาค้อ
เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ ที่ได้อัญเชิญมาจาก ประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2536 สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวโรกาส ทรงครองราชย์ 50 ปี และเป็น ที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชน ตลอดนักท่องเที่ยว ในวันสำคัญทางศาสนาจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมกัน ประกอบพิธี ทางศาสนาเป็นประจำ เช่น พิธีเวียนเทียน มีหลวงพ่อทบขนาดเท่าของจริงเกจิอาจารย์ ที่นับถือของชาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ประดิษฐานใกล้กับเจดีย์ บริเวณโดยรอบพระบรมสารีริกธาตุยังเต็มไปด้วยดอกไม้ และพืชเมืองหนาว นา นา พันธุ์ สวยงามยิ่งนัก
เขาค้อ เขาค้อ
เขาค้อ เขาค้อ
เขาค้อ เขาค้อ
3.ฐานอิทธิ (พิพิธภัณฑ์อาวุธ) 
เป็นจุดหนึ่งที่มองเห็นทิวทัศน์ เป็นฐานสำคัญฐานหนึ่งในการเข้ายึดพื้นที่ ปัจจุบันทางการได้จัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธ เปิดให้คน ได้เข้าชมทุกวัน โดยการนำอาวุธปืนใหญ่ ซากรถถัง และอาวุธที่ใช้สู้รบในการรบที่บนเขาค้อมากมาย รวมทั้งการจัดห้อง บรรยายส รุป แก่ผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะด้วย คิดค่าชมคนละ10 บาท การเดินทางตามทางหลวงหมายเลข 2196 เลยกม. 28 ไปเล็กน้อย แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2323 ไปประมาณ 3 กม. รวมระยะทางประมาณ 31 กม.
เขาค้อ เขาค้อ
เขาค้อ เขาค้อ
3.ฐานอิทธิ (พิพิธภัณฑ์อาวุธ) 
เป็นจุดหนึ่งที่มองเห็นทิวทัศน์ เป็นฐานสำคัญฐานหนึ่งในการเข้ายึดพื้นที่ ปัจจุบันทางการได้จัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธเปิดให้คน ได้เข้าชมทุกวัน โดยการนำอาวุธปืนใหญ่ ซากรถถัง และอาวุธที่ใช้สู้รบในการรบที่บนเขาค้อมากมาย รวมทั้ง การจัดห้องบรรยาย สรุป แก่ผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะด้วย คิดค่าชมคนละ10 บาท การเดินทางตามทางหลวงหมายเลข 2196เลยกม. 28 ไปเล็กน้อย แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2323 ไปประมาณ 3 กม. รวมระยะทางประมาณ 31 กม.
เขาค้อ เขาค้อ
เขาค้อ เขาค้อ
4.อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ
บนยอดสูงสุดของเขาค้อ สร้างขึ้นเพื่อเทอดทูนวีรกรรมของพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ได้พลีชีพในการสู้รบเพื่อปกป้องพื้นที่ใน เขตรอยต่อ 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2511-2525โดยสร้างเป็นรูปสามเหลี่ยมเป็นหินอ่อนทั้งหมด หมายถึงการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างพลเรือน ตำรวจ ทหาร ฐานอนุสรณ์กว้าง 11 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ.2511 อันเป็นปีที่เริ่ม ปฏิบัติการรุนแรงของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์(ผกค.) ความสูงจากแท่นบูชาถึงยอดอนุสรณ์สถานสูง 24 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ.2524 อันเป็นปีที่เริ่มยุทธการครั้งใหญ่ ความสูงจากฐานถึงยอดอนุสรณ์สถาน 25 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ.2525 อันเป็นปีสิ้น สุดการรบ ความกว้างฐานสามเหลี่ยมด้านละ 2.6 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ.2526 ซึ่งเป็นปีที่สร้างอนุสรณ์สถานแห่งนี้ ผนังภายในบันทึก ประวัติอนุสรณ์ผู้เสียสละ และรายชื่อวีรชนผู้เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ
เขาค้อ เขาค้อ
5.พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก
ตั้งอยู่บริเวณบนยอดเขาค้อ ติดกับสำนักสงฆ์วิชมัยบุญญาราม อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ยอดเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จากประเทศศรีลังกา ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย ส่วนราชการ พลเรือน และประชาชนชาวไทย ได้ร่วมจัดสร้างน้อมเกล้าถวาย เพื่อเป็นการ เฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ในปี พ.ศ.2539 และเฉลิมพระเกียรติเนื่องใน วโรกาสมหามงคล เฉลิมพระชนพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2542 โดยสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน และทรงประกอบพิธีเปิด เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2543  หากใครได้มาเที่ยว เขาค้อควรแวะสักการะพระพุทธรูปภายใน เพื่อเป็นสิริมงคลแต่ตัวเองและครอบครัว ตีระฆังที่เป็นราวแนวยาว บริเวณด้านข้าง พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก อายุจะยืนยาวอีกหลายปี (ต้องตีให้ครบทุกใบ)
เขาค้อ เขาค้อ
6.สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาค้อเพชรบูรณ์ (สวนสัตว์เปิดเขาค้อ)
เป็นสถานีวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาค้อ (โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) ครอบคลุมพื้นที่ 20 ตร.กม. ในตำบลเขาค้อ ตำบลสะเดาะพง และตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ สัตว์ป่าที่เพาะเลี้ยงและขยายพันธ์ภายในสถานนีแบ่งแบ่งออกเป็น 3 จำพวก ได้แก่ สัตว์ป่าจำพวกเลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ป่าจำพวกสัตว์ปีก สัตว์ป่าจำพวกเลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก สถานีเพาะเลี้ยง สัตว์ป่าเขาค้อเพชรบูรณ์มีบ้านพักไว้สำหรับนักท่องเที่ยวจำนวน 3 หลัง พักได้หลังละ 10 คน หากผู้ที่เข้าชมเป็นหมู่คณะ ต้องการ เจ้าหน้าที่บรรยายและนำชมให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่า ต้องทำหนังสือล่วงหน้าถึงหัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาค้อ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ 67270โทร. 068 877393 และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มวิจัยการเพาะเลี้ยงสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช บางเขน กรุงเทพฯ โทร. 02 561 4292 ต่อ 713, 02 579 9630
7.เนินมหัศจรรย์
อยู่ตรงกลางกม.ที่ 17.5 ถนนสายนางั่ว-สะเดาะพง (หมายเลข 2258) เมื่อขับรถ มาถึงตรงนี้แล้ว และดับเครื่องรถจะถอยหลังขึ้น เนินได้ ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากภาพลวงตา เนื่องจากวัดระดับความสูงของเนิน ช่วงที่มองเห็นเป็นยอดเนินจะมี ระดับต่ำ กว่าช่วงที่เป็นทางขึ้นเนิน
8.ไร่บีเอ็น
จากบ้านแคมป์สน กม.ที่ 100 ( ทางหลวงหมายเลข 12 ) มีทางหลวงหมายเลข 2196 เข้าไปอีก 3 กม. จะเห็นป้ายชี้ทางเข้าไร่ อีก ประมาณ 3 กม. ในบริเวณไร่มีการเพาะปลูกพืชผัก และผลไม้เมืองหนาวนานาชนิด เช่น บรอคเคอรี่ หอมห่อ ฟักแม้ว ผักกาดแก้ว สตรอเบอรี่ ลิ้นจี่ ฯลฯ ดอกไม้ เช่น คาร์เนชัน แกลดิโอลัส แอสเตอร์ ฯลฯและมีการขายผลิตผลหลาก หลายประเภททั้งของ สดและ ของแปรรูป
9.น้ำตกศรีดิษฐ์
เป็นน้ำตกหินชั้น มีน้ำตกตลอดทั้งปี เคยเป็นที่อยู่ของผกค. มาก่อน มีครกตำข้าวที่ ผกค. สร้างขึ้นโดยใช้พลังน้ำตก และที่นี่เป็นที่ พักผ่อนรับประทานอาหารและเล่นน้ำได้ การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 2196 ถึงหลักกม.ที่ 17 แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 2325 อีกประมาณ 10 กม.แล้วแยกขวาเข้าน้ำตก